วิเคราะห์เจาะลึกกรณี Google กว้านซื้อบริษัทหุ่นยนต์

google+robot ** เนื้อหาในบทความนี้เป็นมุมมองส่วนตัวของผู้เขียน **

เมื่อยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตขยับตัวสู่วงการหุ่นยนต์ กว้านซื้อบริษัทหุ่นยนต์ไป 8 บริษัท ย่อมเป็นที่จับตามองของคนในวงการหุ่นยนต์ วงการธุรกิจเทคโนโลยีทั่วโลก มาดูกันอย่างใกล้ชิดกับการขยับตัวครั้งนี้ของ Google กัน

Google ซื้อใครไปบ้าง

ในระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา Google ได้ซุ่มซื้อกิจการหุ่นยนต์ไป 8 บริษัท มาดูกันลึก ๆ ว่า แต่ละบริษัทเป็นใคร ทำอะไร

  • Schaft Inc. บริษัทญี่ปุ่นก่อตั้งในปี พ.ศ. 2555 โดยสมาชิกจาก Jouhou System Kougaku Laboratory,  The University of Tokyo จึงถือได้ว่า JSK Lab เคยทำอะไร Schaft Inc. ก็มีเทคโนโลยีนั้นอยู่ในมือ ซึ่ง JSK Lab มีผลงานในด้านหุ่นยนต์ humanoid ที่มีความสามารถมากหลายตัว เช่น Kenshiro หุ่นยนต์ที่ใช้กลไกการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเลียนแบบกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในมนุษย์ หรือ HRP3L หุ่นยนต์ที่ใช้ต้นกำลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกับวงจรขับมอเตอร์ที่มีตัวเก็บประจุขนาดใหญ่และระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ทำให้ HRP3L เป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ได้เร็วและมีแรงมาก นอกจากนี้ Schaft Inc. ยังเข้าร่วม DARPA Robotics Challenge ด้วย สรุปได้ว่า Schaft Inc. เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีที่ทำให้หุ่นยนต์ humanoid เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว มีพละกำลังสูง ใกล้เคียงความสามารถของมนุษย์

  • Industrial Perception Inc. บริษัทที่แยกตัวออกมาจาก Willow Garage ในปี พ.ศ. 2555 เน้นด้านการนำเทคโนโลยีการรับรู้สภาพแวดล้อมด้วยกล้องสามมิติเพื่อวางแผนและควบคุมให้แขนกลอุตสาหกรรมหยิบ จับ ยก วาง โยน จัดเรียงสิ่งของ โดยที่สิ่งของสามารถวางอยู่ในลักษณะใดก็ได้ แตกต่างจากการใช้งานหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบันที่สิ่งของจะต้องวางในตำแหน่งและทิศทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และแขนหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น สรุปได้ว่า Industrial Perception Inc. มีเทคโนโลยีในการทำให้แขนหุ่นยนต์สามารถหยิบจับของได้อย่างยืดหยุ่นและชาญฉลาด

  • Redwood Robotics บริษัทร่วมทุนระหว่าง Meka Robotics, Willow Garage และหน่วยงานวิจัย SRI (Stanford Research Institute) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 พัฒนาแขนหุ่นยนต์ที่ราคาถูกและเป็นมิตรในการทำงานร่วมกับมนุษย์ ถึงขนาดมีการเปรียบเทียบว่าการที่ Redwood Robotics พัฒนาแขนที่ว่านี้ เหมือนกับการที่ Apple สร้างและขาย Apple II คอมพิวเตอร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ Redwood Robotics ซุ่มพัฒนาแขนหุ่นยนต์ที่ว่ามาซักพักแล้ว แต่ยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยออกมาว่าแขนที่ว่าเป็นอย่างไร สรุปได้ว่า Redwood Robotics มีเทคโนโลยีเกี่ยวกับแขนหุ่นยนต์ที่เป็นมิตรต่อการทำงานร่วมกับมนุษย์
  • Autofuss บริษัทด้านการโฆษณาและงานออกแบบ ทำโฆษณาให้ Google อยู่หลายตัว และเคยใช้แขนหุ่นยนต์ประกอบในผลงานหลายตัว รวมถึงโฆษณาผลิตภัณฑ์ตระกูล Nexus ของ Google ด้วย สรุปได้ว่า Autofuss มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมแขนหุ่นยนต์

  • Bot & Dolly บริษัทพี่น้องกันกับ Autofuss เน้นการนำแขนหุ่นยนต์ไปใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์ทำให้สามารถถ่ายได้จากมุมมองที่ไม่สามารถถ่ายได้ด้วยวิธีทั่วไป สามารถถ่ายทำซ้ำในมุมมองเดิมได้อย่างแม่นยำ สรุปได้ว่า Bot & Dolly มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมแขนหุ่นยนต์

  • Holomni บริษัทด้านการออกแบบ ผู้พัฒนาระบบล้อสำหรับการเคลื่อนที่รอบทิศทางแบบ swerve drive ถูกใช้ในหุ่นยนต์ M1 ของ Meka Robotics ด้วย ล้อแบบ swerve drive มีข้อดีตรงที่เป็นการเคลื่อนที่แบบ holonomic เป็นประโยชน์มากในการเคลื่อนที่ในที่แคบ ๆ หรือการเคลื่อนที่ที่ต้องหลบหลีกสิ่งกีดขวางเยอะ ๆ ทำได้อย่างคล่องตัว ใช้พื้นที่ในการเลี้ยวหลบน้อย สรุปว่า Holomni มีเทคโนโลยีการเคลื่อนที่ด้วยล้อ

ตัวอย่างหุ่นยนต์ที่ใช้ล้อของ Holomni

  • Boston Dynamics บริษัทที่ spin-off มาจาก Leg Lab ที่ MIT ในปี พ.ศ. 2535 มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีความเป็นพลวัต (dynamics) ในการเคลื่อนที่สูง มีผลงานให้ที่โดดเด่นให้เราเห็นมาแล้วมากมาย เช่น RHex, BigDog, LittleDog, AlphaDog, Cheetah, WildCat, PetMan, Atlas นอกจากหุ่นยนต์ที่เดิน/วิ่งด้วยขาที่เราเห็นกันแล้ว ยังมี SandFlea หุ่นยนต์วิ่งด้วยล้อที่กระโดดได้ RiSE หุ่นยนต์ปีนป่าย และยังทำ DI Guy ซอฟต์แวร์จำลองพฤติกรรมมนุษย์ที่อยู่ด้วยกันจำนวนมาก เช่น ในการปฏิบัติงานร่วมกัน จำลองปฎิบัติการทางทหาร เป็นต้น Boston Dynamics ถือว่าเป็นบริษัทที่เก่าแก่และมีประสบการณ์ในการพัฒนาหุ่นยนต์มาก เป็นพี่ใหญ่สุดใน 8 บริษัทที่ Google ได้ซื้อมา โดยสรุป Boston Dynamics มีความเชี่ยวชาญอย่างสูงในการพัฒนาหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ด้วยขา และระบบควบคุมกลไกหุ่นยนต์ที่มีความคล่องแคล่วว่องไวสูง

Google จะทำอะไร

จากที่ Andy Rubin ผู้ดูแลโครงการหุ่นยนต์ของ Google ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าสิ่งที่เขาอยากทำคือ การทำให้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเข้ามาปลดปล่อยมนุษย์จากงานซ้ำซากไม่ต้องใช้ความคิด เช่น งานประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ งานในระบบขนส่งสินค้า เป็นการใบ้เล็กน้อยว่าหุ่นยนต์ที่ Google มองอยู่น่าจะต้องหยิบของและเคลื่อนที่ได้ ในรายชื่อบริษัทที่ Google สามารถจัดเป็นหมวดหมู่ตามความสามารถได้ดังนี้

  • มี 4 บริษัทที่มีเทคโนโลยีการสร้างแขนหุ่นยนต์ ได้แก่ Schaft Inc., Meka Robotics, Redwood Robotics และ Boston Dynamics
  • มี 3 บริษัทที่มีเทคโนโลยีการสร้างขาหุ่นยนต์ ได้แก่ Schaft Inc., Meka Robotics และ Boston Dynamics
  • มี 1 บริษัทที่มีเทคโนโลนีการสร้างล้อสำหรับหุ่นยนต์ คือ Holomni
  • มี 3 บริษัทที่เชี่ยวชาญการใช้แขนหุ่นยนต์ ได้แก่ Industrial Perception Inc, Autofuss และ Bot & Dolly
  • มี 1 บริษัทที่มีเทคโนโลยีด้านการรับรู้สภาพแวดล้อมเพื่อใช้ในการตัดสินใจของหุ่นยนต์ คือ Industrial Perception Inc.

เป็นที่น่าสังเกตว่า

  • ถึงแม้จะมี 3 บริษัทที่ทำขาหุ่นยนต์ได้ Google ก็ยังซื้อ Holomni ที่ทำล้อหุ่นยนต์เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีเทคโนโลยีอย่างอื่นด้วย เป็นไปได้อย่างสูงว่า อย่างน้อยต้องมีหุ่นยนต์ของ Google 1 รุ่นที่เคลื่อนที่ด้วยล้อ ทำงานบนพื้นที่ค่อนข้างเรียบ เช่น ในอาคาร นอกจากนี้ลักษณะงานที่ Google มองว่าจะนำหุ่นยนต์ไปใช้ก็เป็นงานในสภาพแวดล้อมในอาคารเช่นกัน
  • หุ่นยนต์ของ Google น่าจะมีแขนแน่นอน
  • ถึงแม้ Andy จะกล่าวถึงงานประกอบแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่บริษัทที่ Google ซื้อมาที่มีความสามารถในการสร้างแขนหุ่นยนต์ ไม่มีบริษัทไหนที่เน้นสร้างแขนหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำในการเคลื่อนที่สูง Schaft Inc. และ Boston Dynamics สร้างแขนที่มีพละกำลังและเคลื่อนที่ได้เร็ว ในขณะที่ Meka Robotics และ Redwood Robotics สร้างแขนหุ่นยนต์ที่ใช้ series elastic actuator ซึ่งเป็นมิตรในการทำงานร่วมกับมนุษย์ จึงมีความเป็นไปได้ว่าหุ่นยนต์ของ Google จะไม่ได้ทำงานที่ละเอียดอ่อนมาก
  • หุ่นยนต์ของ Google จะสามารถทำงานได้ยืดหยุ่น โดยใช้การรับรู้สภาพแวดล้อมด้วยภาพสามมิติ ไม่เหมือนหุ่นยนต์อุตสาหกรรมทั่วไปในปัจจุบันที่ทำงานเหมือนเดิมซ้ำ ๆ ตลอด
  • มีเพียง Autofuss และ Bot & Dolly เท่านั้นที่เป็นบริษัทด้านการนำแขนหุ่นยนต์ไปใช้ ไม่ได้มีเทคโนโลยีระดับพื้นฐาน ถ้าไม่ใช่เพราะ Autofuss และ Bot & Dolly เคยทำงานให้ Google แล้วละก็ ส่วนติดต่อผู้ใช้งานของหุ่นยนต์ที่ Autofuss และ Bot & Dolly ใช้คงจะใช้งานได้ง่าย เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์มาก

สรุปว่า เราคงจะได้เห็นหุ่นยนต์ของ Google เคลื่อนที่ด้วยล้อ มองเห็นด้วยกล้องสามมิติ ใช้แขนหยิบจับทำงานร่วมกับมนุษย์ และมนุษย์สามารถสั่งงานได้ง่าย

Google จะซื้อใครต่อ

จากที่ Andy Rubin กล่าวว่าโครงการหุ่นยนต์จะเป็นโครงการระยะยาว คงได้เห็นการซื้อกิจการเข้าเสริมทัพอีกแน่นอน ข้อสังเกตหนึ่งคือบริษัทที่ Google ซื้อมักเป็นบริษัทค่อนข้างใหม่ และไม่ใหญ่มาก มีเพียง Boston Dynamics เท่านั้นที่เก่าแก่ ซึ่งถึอว่าเหนือความคาดหมายมาก แล้วใครบ้างที่มีโอกาสจะโดนซื้อ

  • Unbounded Robotics เป็นบริษัทที่แยกตัวมาจาก Willow Garage พัฒนาหุ่นยนต์ URB-1 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนที่ด้วยล้อลักษณะเดียวกับของ Holomni มีเซนเซอร์สามมิติ และมีแขนหยิบจับสิ่งของ ถือว่าตรงกับสิ่งที่ Google น่าจะมองอยู่ และเป็นบริษัทก่อตั้งใหม่ น่าจะมีโอกาสโดนซื้อ

  • Rethink Robotics เป็นบริษัทที่พัฒนาหุ่นยนต์ Baxter หุ่นยนต์ที่เป็นความหวังว่าจะนำอุตสาหกรรมการผลิตกลับสู่สหรัฐอเมริกา Baxter มีแขนที่ใช้ series elastic actuator 2 ข้าง ปลอดภัยที่จะทำงานเคียงข้างกับมนุษย์ ใช้กล้องในการตรวจจับสิ่งของที่จะหยิบ และไม่ต้องใช้ความรู้ในการโปรแกรมหุ่นยนต์ เพียงแค่จับแขนมันขยับไปมา สอนว่าจะให้หยิบจับอะไร ถือว่าตรงกับสิ่งที่ Google น่าจะมองอยู่ และเป็นบริษัทก่อตั้งใหม่ น่าจะมีโอกาสโดนซื้อ

  • Robotiq บริษัทสัญชาติแคนาดาที่พัฒนามือหุ่นยนต์ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถจับของได้หลายรูปแบบด้วยมืออันเดียว และยังพัฒนาระบบการสอนหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการโปรแกรมหุ่นยนต์ เทคโนโลยีของ Robotiq จะเป็นประโยชน์กับหุ่นยนต์ที่มีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการใช้งาน

  • SoftKinetic เป็นบริษัทที่พัฒนากล้องสามมิติด้วยเทคโนโลยี TOF (Time of Flight) ใช้ในการรับรู้สภาพแวดล้อม ลักษณะเดียวกับที่ Industrial Perception Inc. ใช้ นอกจากนี้ Andy Rubin ยังได้กล่าวว่าเทคโนโลยีด้านเซนเซอร์ยังคงต้องพัฒนาต่อไปอีก
  • Fotonic เป็นบริษัทที่ทำกล้องสามมิติด้วยเทคโนโลยี TOF
  • MESA Imaging เป็นบริษัทที่ทำกล้องสามมิติด้วยเทคโนโลยี TOF

โครงการหุ่นยนต์ของ Google เป็นที่จับตามองของคนในวงการหุ่นยนต์ วงการธุรกิจเทคโนโลยีทั่วโลก จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

ที่มา

LINE it!
Loading Facebook Comments ...
Loading Disqus Comments ...