จบไปแล้วกับ DARPA Robotics Challenge Trial 2013 อยากไปดูด้วยตาเสียจริง ๆ เลย ถึงแม้ไม่มีโอกาสได้ไปก็ขอรวบรวมผลการแข่งขันมาให้ดูกัน
หุ่นยนต์ต้องทำอะไรบ้าง
การแข่งขันแบ่งออกเป็น 8 ภารกิจ ได้แก่
ขับรถ ในปีนี้ยังไม่ต้องขึ้นรถเอง ตอนเริ่มหุ่นยนต์จะอยู่ในรถอยู่แล้ว แต่ในการแข่งขันปีหน้าหุ่นยนต์จะต้องขึ้นรถด้วย
เดินบนพื้นขรุขระ
ปีนบันได
ย้ายซากปรักหักพัง
เปิดประตู น่าสนใจตรงที่มีประตูตูดัน ประตูดึง และประตูดึงที่ปิดเองอัตโนมัติ
เจาะกำแพง ใช้สว่านมือกำแพงยิปซัมหนาครึ่งนิ้ว
เปิดวาล์ว
ต่อสายยางดับเพลิง
ให้คะแนนอย่างไร
แต่ละภารกิจจะมี 3 ภารกิจย่อย (เช่น เปิดประตู 3 บาน, เปิดวาล์ว 3 วาล์ว, เดินผ่านที่ขรุขระ 3 โซน เป็นต้น) แต่ละภารกิจย่อยจะมี 1 คะแนน และถ้าทำครบทั้ง 3 ภารกิจย่อยโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไปยุ่งกับหุ่นยนต์โดยตรงจะได้โบนัสอีก 1 คะแนน รวมเป็น 4 คะแนนต่อ 1 ภารกิจ ทั้งหมด 8 ภารกิจเป็น 32 คะแนน
แข่งขันอย่างไร
แต่ละทีมจะถูกจัดให้แข่งทั้ง 8 ภารกิจ แต่ลำดับจะไม่เหมือนกัน ทีมจะสามารถเลือกทำทุกภารกิจย่อยหรือทำแค่บางภารกิจย่อยหรือไม่ทำทั้งภารกิจเลยก็ได้ (ภารกิจที่คิดว่าตัวเองเตรียมตัวมาไม่ดี ไม่แข่งเลยอาจจะดีกว่าแข่งแล้วหุ่นยนต์เสียหาย) เวลาในการแข่งขันแต่ละภารกิจมี 30 นาที จะใช้น้อยกว่าก็ได้ เวลาที่ใช้ทำภารกิจจะไม่มีผลต่อคะแนน ยกเว้นในกรณีคะแนนออกมาเท่ากัน หุ่นยนต์จะถูกควบคุมจากระยะไกล แต่สนับสนุนให้หุ่นยนต์ทำงานอัตโนมัติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระหว่างการแข่งขันจะมีการปรับช่องความกว้างสัญญาณ (bandwidth) ระหว่างหุ่นยนต์และผู้ควบคุม
วิดีโอการแข่งขัน
สรุปวันที่ 1
สรุปวันที่ 2
วิดีโออื่น ๆ เช่น แนะนำทีม, วิดีโอการแข่งขันแต่ละภารกิจ (ยาวเป็นสิบชั่วโมง …) เบื้องหลังการแข่งขัน สามารถชมได้ที่ Youtube Channel ของ DARPA
ผลการแข่งขัน
- SCHAFT 27 คะแนน
- IHMC Robotics (Atlas) 20 คะแนน
- Tartan Rescue 18 คะแนน
- MIT (Atlas) 16 คะแนน
- RoboSimian 14 คะแนน
- TRACLabs (Atlas) 11 คะแนน
- WRECS (Atlas) 11 คะแนน
- Trooper (Atlas) 9 คะแนน
- THOR 8 คะแนน
- VIGIR (Atlas) 8 คะแนน
- KAIST 8 คะแนน
- HKU (Atlas) 8 คะแนน
- DRC-Hubo 3 คะแนน
- Chiron 0 คะแนน
- NASA-JSC 0 คะแนน
- Mojavaton 0 คะแนน
โดย 8 ทีมแรกจะได้รับเงินสนับสนุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ในการพัฒนาเพื่อแข่งในรอบถัดไป ส่วนทีมอื่น ๆ สามารถเข้าแข่งขันได้โดยใช้ทุนส่วนตัว
นอกจากนี้ ยังมีรางวัลสำหรับหุ่นยนต์ที่ทำภารกิจยอดเยี่ยมในแต่ละภารกิจ
- ขับรถ – WRECS
- เดินบนพื้นขรุขระ – SCHAFT
- ปีนบันได – SCHAFT
- ย้ายซากปรักหักพัง – SCHAFT
- เปิดประตู -IHMC Robotics
- เจาะกำแพง – IHMC Robotics
- เปิดวาล์ว – THOR
- ต่อสายยางดับเพลิง – SCHAFT
สิ่งที่น่าสนใจ
- Gill Pratt ผู้ดูแลการแข่งขันจาก DARPA กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่ยาก และเขาเคยคิดว่า ถ้ามีแค่หนึ่งทีมที่ได้คะแนนเกินครึ่งก็เยี่ยมยอดแล้ว แต่มีทีมที่ทำคะแนนได้เกินครึ่งถึง 4 ทีม ทำให้การแข่งขันครั้งหน้าอาจจะมีการเพิ่มความยากมากกว่าที่เดิมตั้งใจไว้ (เพิ่มเติมโดยผู้เขียน – Grand Challenge ในปีแรก ไม่มีทีมใดทำระยะทางได้เกิน 1 ใน 20 ของระยะทางรวมด้วยซ้ำ)
- โดยรวมแล้ว หุ่นยนต์สามารถทำภารกิจได้ ถึงแม้จะยังทำได้ช้าอยู่ หากเกิดภัยพิบัติขึ้นพรุ่งนี้เลย หุ่นยนต์พวกนี้คงจะช่วยอะไรได้บ้าง
- ไม่มีหุ่นยนต์ตัวใดที่สมบูรณ์แบบทำงานได้ดีในทุกภารกิจ หุ่นยนต์ที่ไม่ได้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ (humanoid) เช่น RoboSimian และ Tartan Rescue CHIMP สามารถเคลื่อนที่ผ่านที่ขรุขระได้ดี แต่ทำภารกิจอื่น เช่น ปีนบันได ขับรถได้ยาก ในขณะที่หุ่นยนต์ 2 ขาจะเดินบนพื้นขรุขระได้ยากกว่า
- ของจริงโหดกว่าในห้องทดลอง การพัฒนาหุ่นยนต์ในห้องทดลองนั้น สภาพแวดล้อมทุกอย่างถูกกำหนดมา แต่เมื่อเจอสภาพแวดล้อมจริงที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้งานยากขึ้นเยอะ เช่น สภาพแสง เงา ลมแรง และถึงแม้ว่าการแข่งขันนี้โหดแล้ว แต่ก็ยังเป็นความโหดแบบจำลองขึ้นมา ในภารกิจจริงยากกว่านี้อีกแน่นอน
- หุ่นยนต์กับมนุษย์ไม่เหมือนกัน งานแบบเดียวกันหุ่นยนต์ทำด้วยวิธีอื่นอาจจะง่ายกว่า เช่น หุ่นยนต์ humanoid ทั่วไปมักจะเดินย่อเข่าเล็กน้อย ทำให้การเดินขึ้นบันไดที่ชันเป็นไปได้ยาก เพราะเข่าจะชนขั้นบันได บางทีมจึงให้หุ่นยนต์ถอยหลังขึ้นบันได
- ถึงหุ่นยนต์จะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่เสถียร ไม่ทน ก็ปฏิบัติงานไม่ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในการแข่งขันทุกครั้ง แต่การแข่งขันครั้งนี้ถือว่าหุ่นยนต์มีสภาพแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี
- ตอนนี้ฮาร์ดแวร์ไม่ใช่ข้อจำกัดแล้ว หุ่นยนต์ทุกตัวมีความสามารถในทางฮาร์ดแวร์ที่ตอบโจทย์ทุกภารกิจได้ เหลือแค่เพียงระบบควบคุมและปัญญาประดิษฐ์ที่ดีเท่านั้น
- เซนเซอร์จำนวนมากจะไม่มีประโยชน์เลย หากหุ่นยนต์ไม่สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ เพราะข้อมูลที่มากเกินไปไม่สามารถส่งผ่าน bandwidth ที่จำกัดได้ และข้อมูลที่มากเกินไปก็เกินความสามารถที่ผู้ควบคุมจะรับไหว
- การฝึกซ้อมมีผลต่อความสำเร็จของภารกิจอย่างมาก SCHAFT พัฒนาหุ่นยนต์ต่อยอดจากหุ่นยนต์ตัวเดิม ทำให้มีเวลาซ้อมเยอะ ทำให้ทำภารกิจได้ดี ต่างจากหลายทีมที่พัฒนาหุ่นยนต์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ทำให้มีเวลาซ้อมน้อย
- หุ่นยนต์ที่มีบุคลิก (เช่น ทำท่าทางดีใจเวลาทำภารกิจได้ พูดแซวได้) เป็นที่ถูกใจของผู้คน
- เพิ่มเติมโดยผู้เขียน – การแข่งขัน DARPA Robotics Challenge ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการนิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะ ที่ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการใช้หุ่นยนต์ช่วยในภารกิจด้านการตอบสนองต่อภัยพิบัติ และวิกฤตการณ์ในครั้งนั้นทำให้มีคำถามถามขึ้นมาว่า ชาติที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์อย่างญี่ปุ่น เหตุใดถึงไม่มีหุ่นยนต์พร้อมสำหรับงานลักษณะนี้ และต้องได้รับความช่วยเหลือจากชาติตะวันตก มาวันนี้ SCHAFT สามารถนำญี่ปุ่นกลับมาผงาดในเวทีหุ่นยนต์โลกได้แล้ว
การแข่งขันครั้งต่อไป
ยังไม่มีประกาศออกมาถึงสถานที่และวันจัดการแข่งขันที่จัดในปีหน้า แต่การแข่งขันในปีหน้าจะยากขึ้นแน่นอน จะมีการรวมหลายภารกิจเข้าเป็นภารกิจใหญ่ หุ่นยนต์จะต้องเป็นอัตโนมัติมากขึ้น
การแข่งขันครั้งน่าจะสนุกขนาดไหนก็คงต้องตามลุ้นกันต่อไป
ภาพ
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: Tasks and Scoring
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: What We Learned on Day 1
ที่มา
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: Tasks and Scoring
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: Final Results
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: What We Learned on Day 1
- IEEE Spectrum Automaton : DARPA Robotics Challenge Trials: Day 2 and The Future