หุ่นยนต์จำเป็นสำหรับโลกที่กำลังจะเต็มไปด้วยคนแก่

oecd

รูปที่ 1 อายุเฉลี่ยของประชากรในประเทศที่มีอายุตั้ง 20 ปีขึ้นไปจะเห็นได้ว่าในปีค.ศ. 2060 อายุเฉลี่ยของคนที่มีอายุสูงกว่า 20 ปีในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 60 ปีหรือแทบจะบอกได้เลยว่ามีแต่คุณลุงคุณป้าเต็มบ้านเต็มเมืองช่วยกันดูแลคุณตาคุณยาย

มีรายงานจาก OECD ระบุว่าในอีกไม่กี่ทศวรรตที่จะถึงนี้ เราจะเจอปัญหาขาดแคลนแรงงานเนื่องแรงงานจำนวนมากจะมีอายุเพิ่มขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ คือ

แรงงานที่กำลังชราภาพและมีอายุยืนยาวขึ้นจะมีปัญหาเรื่องการพัฒนาฝีมือและความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ทำให้แรงงานเหล่านั้นกลายเป็นแรงงานที่ล้าหลังลงไปเรื่อย ๆ

Financial Times ก็นำชี้ให้เห็นในประเด็นเดียวกันในบทความ “ภายในปีค.ศ.  2020 โลกจะมีสังคม ชราภาพมาก เพิ่มเป็น 13 ประเทศ” ดังนี้

ในปัจจุบันที่ประเทศที่เป็นสังคมชราภาพมากประกอบไปด้วย เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น คาดว่าในปีค.ศ.  2020 อีก 6 ประเทศในยุโรป (เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สวีเดน โปรตุเกส สโลวีเนีย และโครเอเชีย) จะประสบปัญหา และหลังจากนั้นไม่นานอีก 4 ประเทศจากทวีปต่าง ๆ (ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร) จะเจอปัญหาเดียวกันในปีค.ศ.  2030 โดยในระหว่างนี้ประเทศเหล่านั้นกำลังก็ก้าวเข้าสู่สังคมชราภาพเมื่อประชาการเกินกว่า 7 เปอร์เซนต์มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

หน่วยงานวางแผนนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศเนเธอร์แลนด์ (CPB) ก็ออกผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของสังคมชราภาพดังนี้

การเติบโตของการจ้างงานจะเพิ่มตามการเพิ่มของประชากร โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของประชากรที่อยู่ในวัยทำงาน เมื่อประชากรชราภาพเพิ่มก็ส่งผลทำให้การจ้างงานชะงักเช่นกัน

นอกจากนั้นบทความจากหลาย ๆ องค์กรและรัฐบาลก็ชี้ไปในทิศทางเดียวว่า

ในอนาคตอันใกล้นี้แรงงานที่มีอายุในช่วง 20 – 64 ปีจะลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากอัตราการเกิดที่น้อยลง (ไม่มีคนรุ่นใหม่มาทดแทน) แต่มีภาระที่ต้องดูแลมากขึ้น (คนแก่ที่อายุยืนขึ้น) ทำให้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาช่วยให้ทำแรงงานหนุ่มสาวที่น้อยลงเรื่อย ๆ

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยยังไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาคุณภาพของประชากรให้มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่จะมีบทบาทเป็นอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้

thai_populationรูปที่ 2 โครงสร้างอายุของประชากรไทยเปรียบเทียบระหว่างปี ค.ศ. 2000  กับค.ศ.  2012

1รูปที่ 3 โครงสร้างอายุของประชากรญี่ปุ่นเปรียบเทียบระหว่างปี ค.ศ. 1950 (หลังสงครามโลก)  กับ ค.ศ. 2006 และการคาดการปีค.ศ. 2050

จากกราฟในรูปที่ 2 และ 3 ถ้าลองคำนวนง่าย ๆ ว่าญี่ปุ่นที่มีปัญหาเรื่องสังคมชราภาพแล้วในปัจจุบัน (ค.ศ. 2014) ประเทศไทยก็น่าจะอยู่ในสภาพไม่ต่างกันนักในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า แต่เรายังแทบจะไม่มีเทคโนโลยีหุ่นยนต์อะไรในมือที่จะช่วยให้เราเผชิญปัญหาที่เห็นอยู่ตรงหน้านอกจากหวังว่าจะซื้อเทคโนโลยีของต่างประเทศที่จะแพงขึ้น ๆ สุดท้ายเราอาจจะกลายเป็นแค่ประเทศที่ให้ประเทศที่มีเทคโนโลยีและทุนจากต่างชาติเข้ามาเช่าที่เผื่อผลิตสินค้าต่าง ๆ ด้วยทรัพยากรของประเทศไทยแล้วเอากลับมาขายคนไทยในราคาแพง ๆ

อเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มจริงจังกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ตั้งแต่ช่วงค.ศ.  1960 และค.ศ.  1970 ตามลำดับ ตั้งแต่ตอนที่โครงสร้างประชากรเค้ายังดีกว่าประเทศไทยในปัจจุบันมากมายนักแล้วเราจะเริ่มจริงจังกันเมื่อไหร่?

ที่มา RoboHub

ภาพที่ 2 และ 3

LINE it!
The following two tabs change content below.
บ้าหุ่นยนต์ ชอบสร้างหุ่นยนต์ เชื่อว่าหุ่นยนต์จะช่วยให้ชีวิตของคนทุกระดับดีขึ้น และจะสร้างบริษัทหุ่นยนต์ระดับโลกที่ไทย!