review และ teardown Vileda Virobi หุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านที่ถูกที่สุด โง่ที่สุด และฉลาดที่สุดในปฐพี

ถึงผมจะคลั่งไคล้หุ่นยนต์ แต่ผมไม่เคยคิดจะหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาใช้ที่บ้านเลย เพราะบ้านผมรกเกินไป หุ่นยนต์วิ่งไม่ได้แน่นอน T_T และผมชอบทำอะไรด้วยมือตัวเอง ชอบกวาดเอง คลานถูพื้นด้วยผ้าเอง มันให้ความรู้สึกว่าได้ลงมือทำ มั่นใจได้ว่าสะอาดดี แต่ !! มีวันหนึ่งผมไปเดินโฮมโปรและได้เจอหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านตัวหนึ่งวางขายอยู่ ผ่านรอบแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไร เดินไปอีกหน่อยก็เจอหุ่นยนต์ของซัมซุงตัวละ 2-3 หมื่นบาทวางขายอยู่ แล้วก็เดินกลับมาเจอหุ่นยนต์ตัวแรก คราวนี้ก็ต้องสะดุดกับราคาที่แสนถูก เพียงแค่ 1,790 บาท ถูกจนต้องยืนดูว่ามันเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านจริงหรือเปล่า หรือเป็นอะไรกันแน่ ยิ่งดูก็ได้เห็นถึงเทคนิคที่หุ่นยนต์ตัวนี้ทำงานซึ่งมันเรียบง่ายและดูดีอย่างน่าประทับใจ ในที่สุดก็เสียเงินมาจนได้ เป้าหมายของการเสียเงินครั้งนี้คือ ทดสอบดูหน่อยว่า หุ่นยนต์ราคาถูกขนาดนี้จะทำงานได้ดีขนาดไหน และเพื่อแบ่งปันจุดที่น่าสนใจของหุ่นยนต์ตัวนี้ให้เพื่อน ๆ รับชมกัน

1

นี่คือวิดีโอที่ร้านเปิดให้ชม

จุดที่น่าสนใจคือตอนมันวิ่ง ตัวมันจะหมุนไปรอบ ๆ ด้วย แตกต่างจากหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ เลยขอบของมันทำจากวัสดุที่ยืดหยุ่น ทำให้เข้าไปทำความสะอาดตามกำแพงและมุมห้องได้ดี 2 จุดนี้เอง (บวกกับราคาที่ถูก) ทำให้ผมคิดว่า หุ่นยนต์ตัวนี้มันไม่ธรรมดา

เจ้า Virobi ถือว่ามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์ยี่ห้ออื่น ๆ น้ำหนักเบา หิ้วไปมาได้ง่าย มีขอบยืดหยุ่นอย่างที่กล่าวข้างต้น ผมว่าวางไว้เฉย ๆ โดยไม่อธิบายอะไร คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร วิธีที่ Virobi ใช้ทำความสะอาดก็ไม่ใช่การดูดฝุ่นเหมือนหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ แต่ใช้ผ้าไฟฟ้าสถิตแบบใช้แล้วทิ้งในการเช็ดและเก็บฝุ่นเข้ามา (แถมมาให้ 23 แผ่น ถ้าซื้อเพิ่ม 20 แผ่น 250 บาท) … อย่าช้าเลย เริ่มทดสอบทำความสะอาดเลยดีกว่า ว่าหุ่นยนต์ราคา 1,790 บาท (หุ่นยนต์ยี่ห้ออื่น ๆ 1 ตัวซื้อเจ้าตัวนี้ได้เป็น 10 ตัวเลย หุ่นยนต์จีนก็เถอะ ก็ 3,000 กว่าบาทอยู่ดี) จะทำความสะอาดได้ดีขนาดไหน ผมทำการทดลองในห้อง studio ขนาดประมาณ 27 ตารางเมตร ทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่คิดว่าน่าจะพบเจอทั่ว ๆ ไป คือ ฝุ่น เส้นผม เส้นด้าย แป้ง เศษขนม วิธีสั่งให้ Virobi ทำงานก็ง่าย ๆ บนตัวหุ่นมีปุ่มแค่ 2 ปุ่มแค่นั้นเองคือ ปุ่มทำงาน 30 นาที และ ปุ่มทำงาน 2 ชั่วโมง

Virobi ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ที่ทำความสะอาดได้จนหมดจด เนื่องจาก Virobi ใช้ผ้าเก็บฝุ่น ไม่ได้ใช้การดูดฝุ่น ทำให้อาจมีเศษฝุ่นหลุดตามทางได้ และใช้การเดินแบบสุ่ม ชนกำแพงแล้วเปลี่ยนทำ ทำให้อาจไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด การทดสอบทำความสะอาด 30 นาทีในห้อง 27 ตารางเมตร ก็เดินเกือบทั่วทั้งห้อง เก็บฝุ่นได้เยอะ เก็บได้หมดทุกอย่างที่ทดสอบ ทั้งฝุ่น เส้นผม เส้นด้าย แป้ง เศษขนม แต่ก็ไม่ได้เก็บหมดจนห้องสะอาด การที่ขอบหุ่นยนต์ยืดหยุ่นได้ก็ทำให้เข้าไปทำความสะอาดตามขอบกำแพงและมุมห้องได้ดี ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ Virobi ทำงานอย่างเรียบง่ายมาก ไม่มีระบบเซนเซอร์อะไรเลย (เดี๋ยวดูกันในตอน teardown) การเปลี่ยนทิศการเคลื่อนที่เมื่อเจอสิ่งกีดขวางทำด้วยระบบทางกลล้วน ๆ เมื่อไม่ต้องมีเซนเซอร์และประมวลผลที่ซับซ้อน ทำให้มันรอดพ้นจากการเข้าไปติดตามซอก ตามมุมได้น่าประทับใจ เมื่อเทียบกับราคาที่ถูก และถ้าให้มันวิ่งทำความสะอาดทุกวัน ก็คงเบาแรงเรื่องการทำความสะอาดห้องไปได้พอสมควร

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • ระบบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่มีส่วนที่ทำให้เกิดการผิดพลาดและเสียหายเยอะ

ข้อเสีย

  • ไม่ได้ดูดฝุ่นเข้าไป เป็นผ้าให้ฝุ่นเกาะ อาจร่วงหล่นตามทาง
  • เดินแบบสุ่ม ไม่รับประกันว่าทำความสะอาดได้ทั่ว
  • ไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับการตก ถ้าวิ่งชั้นบนของบ้าน ตกบันไดแน่นอน

เมื่อดูความสามารถในการทำงานกันไปแล้ว คนทำหุ่นยนต์จะพลาดการแกะหุ่นยนต์ออกมาดูข้างในได้อย่างไร มาแกะกันดูเลยดีกว่า

1

เตรียมพร้อม ใช้ไขควงแฉกอันเดียวจบ ใช้ไขควงแบบช่วยงัดนิดหน่อย

2ขอบยืดหยุ่นได้ ทำให้เข้าขอบ เข้ามุมได้ดี ขอบนี้เอาไว้ติดผ้าเก็บฝุ่น

3หงายท้อง เตรียมแกะ

4

ดึงชุดล้อออกมาได้ตรง ๆ เลย

5

ล้อออกมาแล้ว ระบบขับเคลื่อนส่งกำลังมาตามเพลาหกเหลี่ยม

6

แกะฝาครอบชุดล้อออก โดยแงะเขี้ยว 2 อัน

7

ล้อ 2 ข้างหมุนได้ด้วยกัน ขับเคลื่อนจากตัวหุ่นยนต์ผ่านเฟืองดอกจอก ง่ายมั้ยละครับ

8

แกะต่อ ไขน๊อต 4 ตัวออก

9

เจอแบตเตอรี่

10

แกะขอบโดยงัดเขี้ยวออก

11

ขันน๊อต 4 ตัวออก

12

ถอดหางปลาจากขั้วแบตเตอรี่

13

เปิดฝาออกมาแล้ว

14

สปริงพวกนี้ไว้กดให้แผ่นทำความสะอาดพื้นถูกกดติดพื้นตลอดเวลา

15

ขันน๊อด 4 ตัวออก

16

แยกฝาบนและล่างออกจากกันได้แล้ว ขันน๊อต 3 ตัวบนแผงวงจรออก

17

ระบบไฟฟ้ามีแค่นี้ …

18

เปิดกล่องเฟืองออก เป็นมอเตอร์กระแสตรง ขับผ่านเฟืองหนอน

19วงจรด้านหน้าแบบใกล้ ๆ

20

วงจรด้านหลังแบบใกล้ ๆ

21

อุปกรณ์ทั้งหมด …

ลดกดปุ่มให้ทำงานดู

แล้วมันมีมอเตอร์แค่ตัวเดียว ไม่มีเซนเซอร์อะไรเลย มันวิ่งตรง แล้วเลี้ยวเวลาเจอสิ่งกีดขวางได้อย่างไร มาดูกลไกของมันชัด ๆ กัน

mechanism

ถ้าไม่ได้ชนอะไร มอเตอร์หมุน จะขับให้ล้อหมุน และผลักให้ตัวหุ่นหมุนด้วย เมื่อตัวหุ่นไปชนอะไรเข้า ตัวหุ่นจะหมุนไม่ได้ ล้อจะไม่หมุน แต่มอเตอร์จะไปหมุนชุดล้อแทน ทำให้เกิดการเลี้ยว เมื่อหุ่นเลี้ยวจนตัวหุ่นหลบสิ่งกีดขวางพ้นและหมุนได้อีกครับ ชุดล้อก็จะหยุดหมุน และล้อหมุนแทน

เห็นแล้วอาจจะ ห๊ะ มีแค่นี้เองหรอ นี่มันของเล่นชุด Happy Meal ชัด ๆ ผมเลยบอกว่า เจ้า Virobi ตัวนี้เป็นหุ่นยนต์ที่โง่ที่สุด คือไม่มีเซนเซอร์อะไรเลย ไม่มีระบบประมวลผลอะไรเลย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นงานออกแบบที่ฉลาดที่สุด ที่สามารถใช้เพียงกลไกทำให้ระบบทำหน้าที่เสมือนระบบที่ซับซ้อน มีเซนเซอร์ มีระบบประมวลผลได้ คนทั่วไปไม่รู้หรอกว่าข้างในหุ่นยนต์มันทำงานอย่างไร ถ้าให้ผลลัพธ์ที่เหมือนก็ มันก็ทำงานได้เหมือนกัน น่าสนใจมั้ยละครับ 🙂 อาจจะมีคนสงสัยว่า แล้วแบบนี้จะเรียกว่าหุ่นยนต์ได้อย่างไร โดยนิยามแล้วเราอาจเรียกหุ่นยนต์ตัวนี้ว่าเป็นหุ่นยนต์ไม่ได้ เพราะไม่ได้รับรู้สภาพแวดล้อม ไม่ได้ประมวลผลเพื่อตอบสนองข้อมูลที่รับเข้ามา แต่มันก็ทำงานได้เหมือนหุ่นยนต์ทำความสะอาดยี่ห้ออื่นที่คนทั่วไปรู้จัก ถ้าบริษัทแรกที่นำหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาจำหน่ายไม่ได้โฆษณาว่ามันเป็นหุ่นยนต์ แต่เรียกว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ เราก็อาจจะไม่ได้รู้จักมันในนามหุ่นยนต์ หรือถ้าบริษัทขายเครื่องซักผ้าโฆษณาว่ามันเป็นหุ่นยนต์ซักผ้านะ (เครื่องซักผ้าสมัยใหม่ฉลาดไม่น้อย ชั่งน้ำหนักผ้า ปรับโปรแกรมการซักให้เหมาะสมกับผ้าได้ด้วย) หรือโฆษณาไมโครเวฟว่าเป็นหุ่นยนต์ทำอาหาร โฆษณาเครื่องล้างจานว่าเป็นหุ่นยนต์ล้างจานละ เราจะเรียกเครื่องใช้เหล่านั้นว่าเป็นหุ่นยนต์มั้ย …

LINE it!