ช่วงนี้เห็นข่าวบริษัทต่าง ๆ ทดสอบรถไร้คนขับมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าแค่พัฒนารถให้พร้อมแล้วจะสามารถนำมาวิ่งทดสอบบนท้องถนนได้เลย ตัวผู้ทดสอบก็ต้องมีการเตรียมตัวมาก่อน เพราะถึงแม้จะดูเหมือนว่าถ้าเราขับรถได้ เราก็น่าจะเป็นผู้ทดสอบรถไร้คนขับได้โดยไม่ลำบากนัก แต่ลำดับความคิดของคนขับรถและปัญญาประดิษฐ์ขับรถนั้นต่างกัน ผู้ทดสอบก็ต้องเรียนรู้ตรงนี้ก่อน ขณะนี้ร่างกฎหมายบางแห่งถึงกับกำหนดว่าผู้ทดสอบรถไร้คนขับต้องมีใบอนุญาตก่อน
รถไร้คนขับกับรถทั่วไปมีความแตกต่างกันทั้งด้านเทคโนโลยีและการทำงาน ผู้ที่จะเป็นผู้ทดสอบรถไร้คนขับต้องได้รับการอบรมเรื่องเทคโนโลยีเซนเซอร์และการระบบควบคุมรถ กระบวนการการทำงานข้องรถไร้คนขับ ข้อจำกัดในการทำงานของรถไร้คนขับ เช่น สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย หรือการวิ่งไปในที่ที่ไม่มีข้อมูลแผนที่จราจรอยู่ก่อน เป็นต้น ผู้ทดสอบจะต้องรู้ว่าจะเริ่มให้ระบบทำงานได้อย่างไร จะหยุดการทำงานได้อย่างไร เนื่องจากยังไม่มีข้อกำหนดอย่างชัดเจนว่าผู้ทดสอบจะต้องรู้อะไรบ้าง การอบรมนี้ก็แตกต่างกันไปในแต่ละบริษัท ผู้ทำการทดสอบรถไร้คนขับของ Google ต้องอบรมเป็นสัปดาห์ก่อนที่จะออกสู่ถนนได้ ในขณะที่ผู้ทดสอบรถของ Audi อบรมเพียงไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีรถไร้คนขับแล้ว การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น จะทำอย่างไรหากคันเร่งค้าง เบรกไม่ทำงาน หรือบังคับเลี้ยวไม่ได้ เป็นต้น ทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักทดสอบรถ(ปกติ) จากบริษัทผู้ผลิตรถต้องเรียนรู้อยู่แล้ว
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ มนุษย์เราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้นั่งเฉย ๆ เป็นเวลานาน แต่แล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา จะต้องพร้อมตอบสนองได้อย่างถูกต้องและทันกาล นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ทดสอบรถไร้คนขับจะต้องเตรียมพร้อม
ขณะนี้แคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นที่แรก ๆ ที่มีกฎหมายอนุญาตให้รถไร้คนขับวิ่งบนท้องถนนได้ กำลังร่างกฎหมายเกี่ยวกับผู้ทดสอบรถไร้คนขับอยู่ แต่ในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีรถไร้คนขับถึงจุดที่พร้อมใช้งานแล้ว คนทั่วไปที่ใช้รถไร้คนขับอาจไม่ต้องมีใบขับขี่เลย
ภาพและที่มา IEEE Spectrum Automaon
