ตอนนี้ตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดเติบโตอย่างเร็วมาก มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อปี 12.6% มีบริษัทไหนที่น่าสนใจในวงการนี้บ้าง ตามไปดูกัน

ถ้าจะพูดถึงหุ่นยนต์ผ่าตัดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดก็คงเป็นหุ่นยนต์ชื่อ Da Vinci ของบริษัท Intuitive Surgical เราเริ่มรู้จักอย่างแพร่หลายเมื่อ 15 ปีที่แล้วเท่านั้นเอง และวันนี้ก็เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดนี้โดยมีมูลค่าถึง 2 พันล้านดอลลาห์สหรัฐฯ
ในแง่ของการลงทุน Intuitive Surgical มีค่า P/E ratio อยู่ที่ 45 และเติบโตเฉลี่ยปีละ 6% มีการใช้งานหุ่นยนต์ Da Vinci ในการผ่าตัดกว่า 1.5 ล้านครั้งทั่วโลก
เป็นบริษัทหุ่นยนต์ที่มีฐานอยู่ในประเทศอิสราเอล มีพนักงานประมาณ 140 คน ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการ ยังเป็นที่รู้จักน้อยอยู่ แบบเดียวกับ Intuitive Surgical เมื่อ 15 ปีที่แล้ว หุ่นยนต์ผ่าตัดของ Mazor Robotics มีชื่อว่า Renaissance มุ่งเป้าไปที่สองตลาดหลัก คือ การผ่าตัดสันหลังช่วงทรวงอกและเอว (แต่ละปีมีการผ่าตัดเคสนี้กว่า 360,000 ครั้งนับเฉพาะในสหรัฐอเมริกา) และการผ่าตัดสมอง ได้รับมาตรฐานด้านอาหารและยาของ FDA และ CE-Marking เรียบร้อยแล้ว ทำตลาดอยู่ในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป รัสเซีย ตะวันออกไกล และเอเชียแปซิฟิก

Google ก็ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการนี้เช่นกัน คงได้ยินข่าวกันเมื่อไม่นานมานี้ว่า Google ร่วมมือกับ Johnson & Johnson ร่วมพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัดลุยตลาด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขนาดของตลาดและกำไรในอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตขึ้นอีกมากขนาดไหน แค่ตอนนี้งบประมาณด้านสุขภาพของสหรัฐฯ ก็ปาเข้าไปกว่า 20% ของ GDP เข้าให้แล้ว
Titan Medical และ TransEnterix
สองบริษัทนี้ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนานำหุ่นยนต์ของตัวเองเข้าไปลองใช้กับงานผ่าตัดจริง ณ ตอนนี้เรียกว่ายังไม่ใช่คู่แข่งกับ Mazor Robotics ได้โดยตรง แต่ในระยะยาว มาแน่
น่าจะเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Mazor Robotics โดยหุ่นยนต์ของ Medtech มุ่งเป้าหลักไปที่การผ่าตัดสมอง นักวิเคราะห์ประเมินว่า Medtech ยอดขายเติบโตเร็วมาก และน่าจะแตะ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ภายในปี ค.ศ. 2017
สำหรับใครสนใจเชิงลึกถึงเกี่ยวกับการลงทุน ตามเข้าไปอ่านได้ในบทความต้นฉบับครับ ผู้วิเคราะห์จากเว็บไซต์ SeekingAlpha เชียร์ Mazor Robotics ว่าน่าลงทุนมาก ราคาเหมาะสม ยอดขายพร้อมจะโตถ้าเปลี่ยนทีมบริหารด้านการขาย ราคาปัจจุบันที่ $11.50 น่าจะไปอยู่ที่ $30-$40 ได้ภายใน 5 ปี
ภาพและที่มา – SeekingAlpha


sompol
